Tag: plugin

  • PhotoSwipe : Image Gallery ใช้กับ Touch Screen

    PhotoSwipe : Image Gallery ใช้กับ Touch Screen

    วันนี้มี Plugin ใช้ทำ Image Gallery สำหรับใช้กับ Touch Screen ได้ มาชมวิดีโอแนะนำตัว PhotoSwipe กันก่อนนะครับ

    PhotoSwipe

    ในเว็บของ PhotoSwipe นั้นได้อธิบายเกี่ยวกับตัว Plugin ตัวนี้ไว้ว่า

    What is it?

    PhotoSwipe is a FREE HTML/CSS/JavaScript based image gallery specifically targeting mobile devices.

    Who is it for?

    Developers and designers requiring an interactive image gallery on their mobile website with the look and feel of a native app.

    Why use it?

    PhotoSwipe provides your visitors with a familiar and intuitive interface allowing them to interact with images on your mobile website.

    ใช้กับมือถือ platform ไหนได้บ้าง

    PhotoSwipe : Image Gallery สำหรับ Touch Screeen [1]

    สำหรับตัว PhotoSwipe นั้นสนับสนุน iOS, Android รวมถึง BlackBerry และใช้งานคู่กับ jQuery หรือ PhoneGap ได้ด้วยครับ

    วิธีการใช้งาน PhotoSwipe

    ดาวน์โหลดตัว PhotoSwipe ที่นี่เลยครับ Download PhotoSwipe หลังจากนั้นก็เพิ่ม code นี้ไปที่ส่วน head นะครับ

    [html]
    <script type="text/javascript" src="klass.min.js"></script>
    <script type="text/javascript" src="code.photoswipe-3.0.4.min.js"></script>
    [/html]

    และเรียกใช้งานโดย

    [javascript]
    // Set up PhotoSwipe with all anchor tags in the Gallery container
    document.addEventListener(‘DOMContentLoaded’, function(){

    var myPhotoSwipe = Code.PhotoSwipe.attach( window.document.querySelectorAll(‘#Gallery a’), { enableMouseWheel: false , enableKeyboard: false } );

    }, false);
    [/javascript]

    แต่ถ้าถนัดเป็น jQuery ก็เรียกใช้งานแบบนี้เลยครับ

    [javascript]
    //jQuery version
    $(document).ready(function(){

    var myPhotoSwipe = $("#Gallery a").photoSwipe({ enableMouseWheel: false , enableKeyboard: false });

    });
    [/javascript]

    และในส่วน HTML เพื่อใช้ประกอบให้ตัว PhotoSwipe ทำงานได้นั้น ก็มีลักษณะแบบนี้ครับ

    [html]
    <ul id="Gallery">
    <li><a href="images/full/01.jpg"><img src="images/thumb/01.jpg" alt="Image 01" /></a></li>
    <li><a href="images/full/02.jpg"><img src="images/thumb/02.jpg" alt="Image 02" /></a></li>
    <li><a href="images/full/03.jpg"><img src="images/thumb/03.jpg" alt="Image 03" /></a></li>
    <li><a href="images/full/04.jpg"><img src="images/thumb/04.jpg" alt="Image 04" /></a></li>
    <li><a href="images/full/05.jpg"><img src="images/thumb/05.jpg" alt="Image 05" /></a></li>
    <li><a href="images/full/06.jpg"><img src="images/thumb/06.jpg" alt="Image 06" /></a></li>
    </ul>
    [/html]

    ซึ่งตัว PhotoSwipe นั้น เราสามารถจะปรับแต่งลูกเล่นมันได้หลากหลายพอสมควร รายละเอียดเพิ่มเติมและตัวอย่างการใช้งาน PhotoSwipe นั้น ให้ไปดูที่เว็บของ PhotoSwipe เลยครับ

    ที่มา : PhotoSwipe
  • Plugin WordPress : Social Metrics

    Plugin WordPress : Social Metrics

    Plugin ที่มาแนะนำในครั้งนี้ จะรวมข้อมูลว่ามีคนกด Like มีคน tweet หรือมีคนกด +1 ให้แต่ละ Post ของเราเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยมีลักษณะหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ

    Plugin WordPress : Social Metrics [1]
    หน้าตาของ Social Metrics

    โดยเมื่อเราดาวน์โหลด Plugin มาติดตั้งแล้ว จะปรากฎเมนูที่ด้านซ้ายแถว ๆ หัวข้อ Dashboard ของเรา

    Plugin WordPress : Social Metrics [2]
    เมนูของ Social Metrics

    ในส่วน Settings ของ Plugin มีหน้าตาเป็นแบบนี้

    Plugin WordPress : Social Metrics [3]
    Settings ของ Social Metrics

    แต่ในเวอร์ชั่นที่เราใช้อยู่จะเป็นแบบฟรี ทำให้ปรับแต่งให้งานอะไรไม่ได้มาก ซึ่งทาง Social Metrics จะมีแบบ Pro ให้เราได้ใช้งานในราคา 69.90 USD

    ถ้าใครสนใจจะดาวน์โหลดมาใช้งาน ก็ไปที่หน้า Plugin ของ Social Metrics ตามนี้เลยครับ

    Plugin WordPress : Social Metrics
  • [Plugin WordPress] : ใช้จัดการ File เพื่อให้ Download

    [Plugin WordPress] : ใช้จัดการ File เพื่อให้ Download

    วันนี้มี Plugin สำหรับคนที่อยากจัดการ File เพื่อให้คนเข้าเว็บ Download File ที่เราเตรียมไว้ Plugin ตัวนี้มีชื่อว่า WP-Filebase Download Manager

    Plugin WordPress : WP-Filebase Download Manager

    หลังจากที่เราลงตัว Plugin แล้วที่เมนูด้านซ้าย จะมีเมนูเพิ่มขึ้นที่ด้านล่างแบบนี้

    Plugin WordPress : ใช้จัดการ File ให้ Download [1]
    เมนูของ WP-Filebase

    ซึ่งตัว WP-Filebase จะมีส่วนที่ให้เราอัพโหลด File เพื่อนำไปใช้แบบนี้

    [Plugin WordPress] : ใช้จัดการ File เพื่อให้ Download [2]
    หน้าสำหรับอัพโหลด File ไปใช้งาน

    ผมลองอัพโหลด File ให้ดูเป็นตัวอย่างว่าจะไปปรากฎที่ด้านหน้ายังไงนะครับ

    [Plugin WordPress] : ใช้จัดการ File เพื่อให้ Download [3]
    ผมอัพโหลด File ชื่อ Sublime.Zen.Coding.1.1.3.zip นะครับ

    กรอกข้อมูลต่าง ๆ ในส่วนของ Post ID คือ เลือกว่าจะให้ File ตัวนี้ไปปรากฎที่ Post ไหน

    [Plugin WordPress] : ใช้จัดการ File เพื่อให้ Download [4]
    ผลลัพธ์ที่ได้จากการอัพโหลดด้วย WP-Filebase

    ซึ่งรูปแบบของมัน เราสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ และมีรูปแบบให้เลือกอยู่หลากหลายทีเดียว ถ้าสนใจลองไปดูที่

    Plugin WordPress : WP-Filebase Download Manager
  • Plugin WordPress : Lazyest Stylesheet

    Plugin WordPress : Lazyest Stylesheet

    ในการทำเว็บของเราด้วย WordPress นั้น คงต้องมีการเปลี่ยน Theme กันบ้าง แต่ปัญหาคือ มันจะมี Stylesheet บางตัว ที่เราเพิ่มเติมเข้าไปใน Theme เก่า มันไม่ได้ตามมา Theme ใหม่ด้วย เราก็ต้องไปหาว่า เราเพิ่มอะไรตรงไหนบ้าง เพื่อนำมาใช้กับ Theme ใหม่ของเรา ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อคุณใช้ Lazyest Stylesheet

    Lazyest Stylesheet

    หลักการทำงานมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอกครับ ก็เหมือนเราเขียน CSS ทั่วไป เพียงแต่ถ้าเราเปลี่ยน Theme ตัว Lazyest Stylesheet ก็จะดึง CSS ตัวที่เราเขียนไว้ เพื่อใช้งานกับ Theme ใหม่ทันที

    Lazyest Stylesheet
    Appearance >> Lazyest Stylesheet
    Lazyest Stylesheet [2]
    หน้าตาของ Plugin

    ยกตัวอย่างก็สมมติว่า เรามีตารางสีแดง เป็นตารางที่มีชื่อ class ว่า table-red แล้วกัน คราวนี้ถ้าเราจะเปลี่ยน Theme เราก็ต้องไปหาว่าเราเขียน .table-red ไว้ที่ไหนบ้าง จะได้เอามาแปะไว้ที่ CSS ของ Theme เรา แต่ถ้าใช้ Lazyest Stylesheet เราก็ไปเขียน .table-red ในนั้น ทีนี้เวลาเราเปลี่ยน Theme .table-red ที่เราเขียนไว้ ก็จะตามไปในทุก ๆ Theme ของเราเอง

    ตามไปโหลดมาใช้งานได้ที่ : Lazyest Stylesheet

  • [How to] [Plugin] วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress

    [How to] [Plugin] วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress

    WordPress นั้นมี Plugin อยู่หลายตัวที่ใช้สำหรับการทำ SEO แต่ขอเลือกแนะนำ All in one SEO เพราะใช้ตัวนี้อยู่ :p

    วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress

    หลังจากที่ติดตั้ง Plugin All in one SEO เสร็จแล้ว มาเริ่มตั้งค่าเพื่อใช้งานกัน

    วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress
    ตัวอย่างการตั้งค่า All in one SEO สำหรับ WordPress

    Plugin Status

    เริ่มแรกเราต้องเปิดใช้งาน Plugin ของเราก่อน เลือกไปที่ Enabled เลยครับ

    Home Title

    ข้อความที่จะขึ้นที่ Title สำหรับหน้า Home อย่างเช่น ตอนนี้เว็บของผม ผมก็ตั้งไว้ว่า กระต่ายดำ ทำ CSS, WordPress | Rabbitinblack เป็นต้น และถ้าจะใช้อะไรแบ่ง Title ให้ใช้ – หรือไม่ก็ |

    วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress
    Home Title ที่เราตั้งค่าไว้ จะปรากฎดังรูป

    Home Description

    รายละเอียดของหน้า Home ซึ่งปรกติจะเป็นการอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บของเราทั้งหมด

    Home Keywords

    คำสำคัญของหน้า Home โดยเราจะใช้ , เป็นตัวแบ่งคำสำคัญแต่ละคำ

    Canonical URLs

    Canonical URLs คือ เนื้อหาของเว็บที่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้อันดับใน Search engines ของเราลดลง ตัวอย่างที่อธิบายง่าย ๆ ก็อย่างเช่น https://example.com กับ https://www.example.com ซึ่งเนื้อหามันเหมือนกันแน่ ๆ เลือกหัวข้อนี้ไว้ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาลักษณะนี้

    วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress
    ตั้งค่าสำหรับ Rewrite Titles

    Rewrite Titles

    ปรกติแล้ว WordPress จะตั้งค่า Title ให้เราในลักษณะ Archive – Blog Name – Post Title ซึ่ง Title ลักษณะนี้ SEO นั้นดีสู้ Title ในลักษณะ Post Title – Blog Name สำหรับหน้า Post หรือ Page Title – Blog Name สำหรับหน้า Page ไม่ได้ ดังนั้น All in one SEO จีงจะเขียน Title ให้เราใหม่ในแบบที่เราต้องการ

    วิธีใช้ All in one SEO สำหรับ WordPress
    การตั้งค่าต่าง ๆ ที่เหลือ

    SEO for Custom Post Types

    ในการทำเว็บ WordPress ในบางครั้ง เรามีการใช้ Custom Post Types ดังนั้นต้องมาเลือกที่หัวข้อนี้ก่อน Custom Post Types นั้นถึงจะใช้งาน All in one SEO ได้

    Custom Post Types for SEO Column Support

    สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Post Types แบบไหนใช้งาน All in one SEO

    Use Categories for META keywords, Use Tags for META keywords

    เอา Categories กับ Tags มาเป็น Keywords โดยอัตโนมัติ

    Dynamically Generate Keywords for Posts Page

    สำหรับหน้า Custom Post Types All in one SEO จะมีการสร้าง Keywords ให้

    Use noindex for Categories, Use noindex for Archives, Use noindex for Tag Archives

    ไม่นำหน้า Categories, Archives, Tag Archives ไปรวม เพื่อป้องกันการซ้ำกันของเนื้อหาในเว็บ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับ SEO ของเรา

    Autogenerate Descriptions

    All in one SEO จะสร้างรายละเอียดของแต่ละหน้าให้อัตโนมัติ

    Capitalize Category Titles

    หัวข้อนี้แปลออกมาว่า ประโยชน์จาก Category Titles ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร Y-Y

    หลังจากที่ตั้งค่าทั้งหมดเสร็จแล้ว กด Update Options เป็นการเสร็จสิ้นครับผม

  • ไหน ๆ ก็มี Google+ ละ เอามาใช้กับ WordPress หน่อย

    ไหน ๆ ก็มี Google+ ละ เอามาใช้กับ WordPress หน่อย

    หลังจากที่ Google+ ออกมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว คงมีหลายคนที่อยากจะเอามาใส่ในเว็บของตัวเอง เหมือนที่เคยใส่ Facebook หรือ Twitter ในเว็บ ถ้างั้นมาลองดูว่า เราจะใส่อะไรเกี่ยวกับ Google+ ในเว็บเราได้บ้าง

    Google+ Add Circle

    มี Plugin อยู่ตัวนึง ที่เมื่อเราลงแล้ว จะมี widget มาให้เราสามารถนำ Google+ มาโชว์ได้ดังรูป

    โดยสามารถไปโหลด Plugin ได้ที่นี่ googleCards-WordPress เมื่อทำการ Install Plugins แล้ว ก็ให้ไป Widgets จะพบว่ามีตัวนี้โผล่มา

    เมื่อเราลากไปวางแล้วก็ต้องกรอกข้อมูลต่าง ๆ

    โดยตัว Google Plus ID นั้นให้เราเข้าไปที่หน้า Profile ของเราใน Google+ ดูที่ URL แล้ว Copy มาแบบนี้

    หลังจากนั้นก็ Save เราก็จะได้ Widget ตัวนี้มาวางแปะอยู่ที่ Sidebar ของเราแล้ว 🙂

    ปุ่ม +1

    ในความรู้สึก ปุ่ม +1 ของ Google+ ก็คงคล้าย ๆ กับปุ่ม Like ของ Facebook หรือปุ่ม Tweet ของ Twitter แบบที่เราเห็นวางแปะตามเว็บต่าง ๆ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับปุ่ม +1 ก็ลองไปหาอ่านใน google เอาแล้วกันนะ

    ซึ่งปุ่ม +1 นั้นทาง Google เองก็มีหน้าสำหรับสร้างปุ่ม +1 ให้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเป็น Plugin ก็สามารถไปดูตามนี้ก็ได้ Plugin +1 for WordPress

    ถูกใจหน้าตาของ Google+ เอามาเป็น Theme เว็บเลยแล้วกัน

    มีมาแนะนำให้สามแบบคือ

    WP Plus

    PlusOne

    Reflex+

    ที่มา : Mashable